Update Business News

Update Tourism News

การเคหะแห่งชาติแถลงผลงานครบรอบ 52 ปี สร้างที่อยู่อาศัยกว่า 7.5 แสนหน่วย ผลประเมิน ITA 96.44 คะแนน ได้อันดับ 1 ของกระทรวง พม. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากรของ “ท็อป วราวุธ” รมว.พม.

การเคหะแห่งชาติแถลงผลงานครบรอบ 52 ปี สร้างที่อยู่อาศัยกว่า 7.5 แสนหน่วย ผลประเมิน ITA 96.44 คะแนน ได้อันดับ 1 ของกระทรวง พม. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากรของ “ท็อป วราวุธ” รมว.พม.

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธานในการแถลงข่าวผลการดำเนินงานครบรอบ 52 ปี การเคหะแห่งชาติ (กคช.) พร้อมแถลงผลการดำเนินงานปี 2567 และแผนการขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยปี 2568 โดยมีผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานการเคหะแห่งชาติ รวมทั้งสื่อมวลชนร่วมงาน ณ สำนักงานใหญ่การเคหะแห่งชาติ ถนนนวมินทร์ คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดกล่าวว่า การเคหะแห่งชาติเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีภารกิจหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุมชน และเมือง ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชน และในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ จะครบรอบ 52 ปี ของการก่อตั้ง โดยที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติได้พัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกรูปแบบไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 754,971 หน่วย อาทิ โครงการบ้านเอื้ออาทร โครงการเคหะชุมชน โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง และโครงการอาคารเช่า เป็นต้น ขณะที่ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ปี 2567 การเคหะแห่งชาติได้คะแนน 96.44 คะแนน จาก 100 คะแนนเต็ม เป็นอันดับที่ 1 ของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวง พม. และเป็นอันดับที่ 10 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

สำหรับการทำงานในปี 2567 การเคหะแห่งชาติมุ่งเน้นการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ที่มีมุมมองต่อการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ และมุ่งเน้นนโยบายสำคัญที่เรียกว่า 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ได้แก่ เสริมพลังวัยทำงาน เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน สร้างพลังผู้สูงอายุ เพิ่มโอกาสและเสริมคุณค่าคนพิการ และสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว (เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ) ดังนั้นการขับเคลื่อนการดำเนินงานเรื่องบ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย (Housing for all) และชุมชนน่าอยู่สำหรับประชากรทุกกลุ่มวัย (Community for all) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ และในปี 2568 รมว.พม. ยังได้ผลักดัน 9 โครงการ Flagship ต่อยอดนโยบาย 5X5 ฝ่าวิกฤตประชากร ซึ่งภารกิจที่การเคหะแห่งชาติได้รับมอบหมายจาก รมว.พม. ให้ดำเนินการ คือ บ้านสำหรับคนทุกช่วงวัย (Housing for all) ประกอบด้วย โครงการบ้านตั้งต้น (First Jobber) การเคหะแห่งชาติได้นำโครงการอาคารเช่ามาให้กลุ่มคนวัยเริ่มทำงาน (First Jobber) ได้เช่าในราคาพิเศษ โดยคัดเลือกโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 8 โครงการ รวมทั้งสิ้น 1,428 หน่วย ให้เช่าในราคาเริ่มต้น 1,200 บาทต่อเดือน โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 30 กันยายน 2567 มีประชาชนทำสัญญาเช่า รวมทั้งสิ้น 540 หน่วย

นอกจากนี้ยังมียังมีโครงการอาคารเช่าพักอาศัยที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศอีกจำนวน 12 โครงการ ประกอบด้วย สมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 3) นครสวรรค์ 2 ระยะที่ 2 มหาสารคาม ลำปาง สุรินทร์ (สลักได) อุบลราชธานี กาญจนบุรี พังงา (ตะกั่วป่า) ชลบุรี (แหลมฉบัง) ระยะที่ 1 สมุทรปราการ (บางพลี) อุดรธานี (สามพร้าว) และเชียงใหม่ (หนองหอย) รวม 3,540 หน่วย ปัจจุบันมีผู้ทำสัญญาเข้าอยู่อาศัยแล้ว จำนวน 1,935 หน่วย และในปี 2568 ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกจำนวน 5 โครงการ 1,594 หน่วย ได้แก่ ลพบุรี ระยะที่ 1 พระนครศรีอยุธยา (โรจนะ) ระยะที่ 1 ฉะเชิงเทรา (บางปะกง) หนองบัวลำภู และเพชรบุรี (โพไร่หวาน)

ขณะที่ โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 ได้แก่ อาคาร D1 สูง 35 ชั้น จำนวน 1 อาคาร รวม 612 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมในโครงการเคหะชุมชนดินแดง อาคารแฟลตที่ 23 - 32 ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและส่งมอบกุญแจให้กับผู้อยู่อาศัย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 จำนวน 397 ครัวเรือน และคาดว่าจะบรรจุผู้อยู่อาศัยเต็มจำนวนประมาณเดือนมิถุนายน 2568 ส่วน อาคาร A1 สูง 32 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 635 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมในโครงการเคหะชุมชนดินแดง อาคารแฟลตที่ 9 - 17 และอาคารแฟลตที่ 63 - 64 ปัจจุบันมีผลการดำเนินงานการก่อสร้างร้อยละ 18.40 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2569

ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยประเภทขาย การเคหะแห่งชาติได้จัดโปรโมชันลดราคา 5-20% เป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับประชาชนในนามกระทรวง พม. จำนวน 102 โครงการ และลดราคาพิเศษโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนวน 47 โครงการ และวางเงินจองเริ่มต้น 1,000 บาท ถึง 31 มีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้ และหากประชาชนที่ต้องการซื้อบ้านของการเคหะแห่งชาติแล้วโดนปฏิเสธสินเชื่อ การเคหะแห่งชาติยังมี โครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2563-2567 ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 1,785.116 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยได้มีบ้านเป็นของตนเอง จำนวน 2,758 ครัวเรือน แบ่งออกเป็น กลุ่มลูกค้าทั่วไป 2,404 ราย และกลุ่มเปราะบาง 354 ราย และในปี 2568 การเคหะแห่งชาติได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน 388.800 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนได้ประมาณ 648 ราย

ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว การเคหะแห่งชาติยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) โดยได้จัดทำโครงการปรับปรุงที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ (บ้านสบายเพื่อยายตา) ซึ่งผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2553-2567 จำนวนทั้งสิ้น 512 หลัง โดยเฉพาะในปี 2567 ได้ดำเนินการปรับปรุงที่อยู่อาศัยและสร้างใหม่จำนวนทั้งสิ้น 71 หลัง ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร ตราด ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา ชัยภูมิ สตูล และสุพรรณบุรี และในปี 2568 ได้มีการเปลี่ยนชื่อโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับ Flagship ด้านที่ 3 “สร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง” และครอบคลุมกับกลุ่มเป้าหมายตามภารกิจของกระทรวง พม. เป็น “โครงการปรับปรุงหรือสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี” (บ้านสบายเพื่อยายตา) และมีเป้าหมายดำเนินการในพื้นที่ 9 จังหวัด จำนวน 30 หลัง ได้แก่ พื้นที่นิคมพึ่งตนเอง 6 จังหวัด จำนวน 23 หลัง และพื้นที่ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน 3 จังหวัด จำนวน 7 หลัง

ด้านการบริหารจัดการชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย การเคหะแห่งชาติได้ดำเนินโครงการยกระดับชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Smart Sustainable Community : SSC) เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการชุมชนของตนเองได้อย่างเป็นระบบ และยกระดับชุมชนให้เป็น Smart Sustainable Community โดยกำหนดเกณฑ์ตัวชี้วัดออกเป็น 4 มิติ ประกอบด้วย มิติเศรษฐกิจ มิติการมีส่วนร่วม มิติสุขภาพ และมิติสิ่งแวดล้อม และในปี 2567 ได้มีการต่อยอดขยายผลกระบวนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคัดเลือกชุมชนที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน SSC เป็นโครงการนำร่องในการประเมินดัชนีความสุขในชุมชนของผู้อยู่อาศัย จำนวน 2 ชุมชน ได้แก่ โครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะ 1 ผลประเมินความสุขได้ร้อยละ 80.30 และโครงการบ้านเอื้ออาทรพหลโยธิน กม.44 ระยะ 1 เฟส 1 ผลประเมินความสุขได้ร้อยละ 79.40 และเพื่อเป็นการเฟ้นหาชุมชนที่มีการเชื่อมโยงกับผู้อยู่อาศัยในชุมชนทุกมิติ การเคหะแห่งชาติยังได้จัดโครงการประกวดชุมชนสดใส จิตใจงดงาม ประจำปี 2567 โดยคัดเลือกชุมชนของการเคหะแห่งชาติกว่า 700 ชุมชน และกำหนดเกณฑ์ค่าคะแนนการประเมินชุมชนไว้ 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม ด้านกระบวนการมีส่วนร่วม ด้านการบริหารจัดการชุมชน และด้านครอบครัวเข้มแข็ง โดยมีโครงการที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารอบในโครงการประกวดฯ ทั้งสิ้น 18 ชุมชน ซึ่งโครงการบ้านเอื้ออาทรเชียงราย (ริมกก) ได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการประเภทอาคารแนวราบ โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน จังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์ 3) ได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการประเภทอาคารแนวสูง และโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดนครสวรรค์ 2 ระยะ 1-2 ได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการประเภทอาคารเช่า

และในปี 2568 การเคหะแห่งชาติยังได้มีพันธมิตรมาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในด้านเศรษฐกิจ โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติได้ MOU ร่วมกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านอาชีพของผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติให้มีความรู้ ความสามารถ ทั้งในด้าน Reskill และ Upskill ให้สูงขึ้นและได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน นับเป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพอิสระ มีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว สามารถพึ่งพาตนเองได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังมี โครงการพัฒนาการจัดสวัสดิการด้านการอยู่อาศัยทุกช่วงวัย เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกช่วงวัย โดยขับเคลื่อนโครงการฯ ผ่าน 6 กิจกรรม ดังนี้ 1. ส่งเสริมปรับปรุงภูมิทัศน์ชุมชน 2. ส่งเสริมการบริหารจัดการขยะและสร้างชุมชนสะอาด 3. สร้างชุมชนและครอบครัวเข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมจัดกิจกรรมวันสำคัญต่าง ๆ 4. การเสริมสร้างศักยภาพเพื่อสร้างอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชน (Productivity) 5. สนับสนุนโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยของการเคหะแห่งชาติกรณีถูกสถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อ และ 6. การส่งเสริมการดูแลสุขภาวะของคนในชุมชน ซึ่งในปี 2567 ได้ดำเนินการแล้ว จำนวน 12 ชุมชน และในปี 2568 จะดำเนินการเพิ่มอีก 12 ชุมชน

และในช่วงปีที่ผ่านมาได้เกิดอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดทั้งภาคเหนือและภาคใต้ การเคหะแห่งชาติก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่โครงการของการเคหะแห่งชาติ ทั้งยังเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงได้ออกมาตรการพักชำระหนี้ค่าเช่าซื้อและปลอดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 3 เดือนอีกด้วย

จากผลการดำเนินงานในปี 2567 ทำให้การเคหะแห่งชาติได้รับรางวัลจากหลายหน่วยงาน อาทิ รางวัล “องค์กรเกียรติยศ” ในงานหอเกียรติยศ 2567 วุฒิสภา เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 รางวัล “รัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านการส่งเสริมและพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน” ในงาน “Siamrath Awards 2024” เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 รางวัล Friendly Design Awards 2024 ประเภท “โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อคนทั้งมวล” จากมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ในงาน Thailand Friendly Design Expo 2024 : มหกรรมอารยสถาปัตย์นวัตกรรมสุขภาพ และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 และยังได้รับรางวัล 2025 WOW Awards (Wonder of Well-Living City Awards) "โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง" จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 อีกด้วย

“ตลอดระยะเวลา 52 ปีที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชน โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึงความยั่งยืนตามเกณฑ์ NHA Eco Village เพื่อลดโลกร้อนและรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยในเชิงอารยสถาปัตย์ หรือ Universal Design ซึ่งปัจจุบันการเคหะแห่งชาติได้แบ่งสัดส่วนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จำนวน 10% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด และในปี 2568 จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 20% และในอนาคตจะทยอยเพิ่มจำนวนสัดส่วนขึ้นเรื่อย ๆ จนครบ 100% เพราะ Universal Design ไม่ใช่แค่การออกแบบภายในห้องพักอาศัยแต่หมายถึงสภาพแวดล้อมทั้งหมดของโครงการ ที่ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกันได้อย่างปกติสุข ตามวิสัยทัศน์ “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวย้ำ

ADD

คุณอักษรา ชีวรัตนพร (คุณมิน) ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแห่งซูเปอร์ทริปส์

คุณอักษรา ชีวรัตนพร (คุณมิน) ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแห่งซูเปอร์ทริปส์ (มินไม่แน่ใจอ่านแล้วค่อนข้างชมไปไหมคะพี่ ขอบพระคุณค่ะ) คุณอักษรา ชีวรัตนพร คุณมิน Managing Director บริษัทซูเปอร์ทริปส์ จำกัด, Executive Assistant to the President บริษัทควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด ทายาทบริษัททัวร์อันดับต้นของประเทศไทย จบการศึกษาทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทที่ Durham University, UK และ University of Hong Kong ถึงแม้จะจบและทำงานในสายงานด้านกฎหมายมาก่อน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์และความชอบหลักคือการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับธุรกิจของที่บ้าน ทำให้ระหว่างที่ศึกษาและทำงานอยู่ มินได้ออกแบบและวางแผนการเดินทางและเดินทางไปในหลากหลายเส้นทางทั่วโลก นึกถึงการท่องเที่ยวและการเดินทาง ขอให้นึกถึง บริษัท ซูเปอร์ทริปส์ นะคะ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะดูแลท่านให้ดีที่สุดในการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในรูปแบบใดๆเราจะตอบโจทย์ให้ลูกค้ามีความสุขในการเดินทางของท่าน ยินดีบริการค่ะ บริษัท ซูเปอร์ทริปส์ จำกัด โทร 02 511 5999 www.supertrips.co.th

คุณธนิต ปริพัฒนานนท์ และคุณน้ำทิพย์ โพธิ์เหลือง ผู้บริหารคนเก่งแห่ง Superb Holiday

คุณธนิต ปริพัฒนานนท์ หรือคุณออม “CEO”แห่ง Superb Holiday คุณออมได้เปิดบริษัทเป็นกรรมการร่วมกับ คุณน้ำทิพย์ โพธิ์เหลือง ซึ่งคุณน้ำทิพย์ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการคุณออมและคุณทิพย์สำเร็จการศึกษาทางด้านการท่องเที่ยว ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม คุณทิพย์เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย คุณออมได้เล่าให้ “BIZ”ON HOLIDAY MAGAZINEฟังต่อว่า จบมา อายุ 22 ปี ฝึกงานบริษัททัวร์ก่อนจบตามกำหนดของมหาวิทยาลัย และได้ทำงานที่บริษัททัวร์ต่อเลย ซึ่งคุณออมกับคุณทิพย์ทำงานที่ บริษัททัวร์ที่เดียวกัน ได้ทำงานที่บริษัททัวร์มาเป็นเวลา 4 ปี จึงตัดสินใจ เปิดบริษัททัวร์ร่วมกัน ในนามบริษัท พีแอลอินเตอร์ทัวร์ จำกัด และ ทำการตลาดในนาม Superb Holidayบริษัทได้ก่อตั้งมา 7 ปีแล้ว เริ่มแรกทำสิงคโปร์ ในเวลาต่อมาเพิ่มมาเลเซีย บาหลี ลักษณะ การทำงานของ Superb Holiday จะเป็นการขายโปรแกรมทัวร์กับ Travel Agent หรือที่เรียกว่า” WHOLE SALE” โดยทางเอเย่นต์ อาจจะ Request มาเป็นกรุ๊ปเหมา กรุ๊ปจอยหน้าร้าน เป็นแพ็คเก็จ หรือขอให้ทางเราทำโปรแกรมให้ซึ่งทางเราสามารถทำได้หมด “Superb Holiday” คือสุดยอด ดีเยี่ยม วันหยุดที่ดีเยี่ยม ของท่าน เป็นความตั้งใจของเรา

คุณจักรพันธ์ ประสิทธิ์วรนันท์ (คุณตั้ม) ผู้บริหารรุ่นใหม่แห่ง Zego Travel

คุณจักรพันธ์ ประสิทธิ์วรนันท์ หรือคุณตั้ม กรรมการผู้จัดการ Zego Travel Co.,Ltd. จบการศึกษามัธยมปลายโรงเรียนเซ็นคาเบรียล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน(เอกโฆษณา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประสบการณ์การทำงาน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Flight Attendent) First Class เส้นทางยุโรปเกือบ10ปี ที่การบินไทย ในขณะที่ทำงานอยู่ที่การบินไทย เป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสได้เดินทางไปยังหลายเมืองหลายประเทศ แต่ละประเทศก็มีความสวย ความงดงาม ของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป ทำให้ตัดสินใจเปิดบริษัททัวร์ Zego Travel Co.,Ltd Zego Travel คือบริษัททัวร์ที่ขายทัวร์และตั๋วเครื่องบิน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี คุณตั้มได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีกับ “BIZ” ON HOLIDAY MAGAZINE ว่า “เริ่มต้นมีพนักงาน 2-3 คน ปัจจุบันมีพนักงาน 150 คน เริ่มแรกออฟฟิศอยู่ตึก GP House ที่ซอยสวนพลู ประมาณ 2-3 ปี และได้ย้ายมาเป็นโฮมออฟฟิศ ที่นนทรีซอย 16 ประมาณ2-3ปี เช่นกัน ปัจจุบันคือที่ที่3 อยู่ช่องนนทรี 10 ยานนาวา อยู่มาประมาณ 2ปี” คุณผู้อ่านสนใจไปเที่ยวหาซื้อทัวร์ Let’s go group กับทัวร์ใกล้บ้านท่านโดยระบุไปกับ Let’s go group จะได้รับการบริการอย่างประทับใจมั่นใจได้เพราะพนักงานต้อนรับการบินไทยเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอน… Zego Travel Tel:02 408 8001 www.zegotravel.com

The Villa Halal กับภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารคนเก่งอย่างเช่น คุณวรวุฒิ(นาวาวี) วชิรวรกุลชัย

จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันใกล้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเอกพัฒนศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร .... คุณนาวาวี ได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีกับทาง “BIZ” ON HOLIDAY MAGAZINE ในฐานะ CEO ของบริษัทฯ ว่า ตนเองได้นำองค์ความรู้ทางด้านการบริหารธุรกิจและความรู้จากการศึกษาในคณะศึกษาศาสตร์ ระดับปริญญาเอก มาประยุกต์ใช้กับการบริหารองค์กรและการจัดการขั้นตอนการผลิตอาหาร ให้มีลักษณะเป็นธุรกิจแบบร่วมสมัย โดยเฉพาะการนำ Thesis ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยด้านอาหารมุสลิม ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารมุสลิมคืออาหารฮาลาล” ถ้ามีโอกาสอยากเรียนเชิญทุกท่านให้แวะเข้ามาลองรับประทานอาหารที่ได้มาตรฐานฮาลาล ทั้งด้านการบริการและสถานที่จะได้สัมผัสความเป็น “The Villa Halal ที่จะคอยให้บริการทุกท่านทั้ง 3 สาขา และทุกท่านสามารถติชมได้ เพื่อที่จะนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนา ซึ่งทีมงานทุกคนตั้งใจอยากให้เป็นร้านอาหารฮาลาลในฝันของมุสลิมทุกคน ถ้าผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข6 สามารถแวะใช้บริการที่สาขามอเตอร์เวยส์ได้ และได้กล่าวทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่ จะเดินทางไปทำฮัจย์ หรืออุมเราะฮ ในขณะรอขึ้นเครื่อง หรือ Transit แวะมาทานอาหารที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทางร้านมีอาหาร ไว้เตรียมบริการทุกท่าน เพื่อความพร้อมก่อนการเดินทาง …..

Image Gallery